จิต
จิต
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเป็นตัวปรุงแต่งจิต = เป็นเจตสิก
เจตสิก คือ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิต / สามารถเกิดร่วมกับจิตได้
และด้วยความที่ในทุกๆครั้งที่จิตเกิดขึ้นและตั้งอยู่ จะต้องมีเจตสิกคือเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเกิดร่วมด้วยเสมอ เมื่อจิตเข้าใจว่าตนมีตัวมีตน จึงคิดว่าเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับจิตนั้นเป็นของตนด้วย -- รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น
อัตตา คือ "ความเห็น" ว่าขันธ์มีตัวตน -- มันคือความเข้าใจว่าเราเป็นคนแบบนี้ มีนิสัยแบบนี้ ชอบสิ่งนี้ ไม่ชอบสิ่งนี้ ป่ะ? (มันก็คือความยึดมั่นในเวทนา สัญญา สังขาร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้เกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีตัวตนคงอยู่อย่างถาวร)
อัตตาคือสิ่งที่หุ้มห่อจิตไว้
ความจริงแล้วจิตและอัตตาล้วนเกิด-ดับ แต่จิตมันไม่เคยเห็นอย่างชัดเจนว่าตัวมันเองเกิด-ดับ
จิตเป็นอนัตตา คือ เกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมได้ = ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
เพราะต้องมีเจตสิก ถึงจะมีจิต แล้วที่จิตมันเกิด-ดับ มันเป็นเพราะว่าเจตสิกมันเกิด-ดับ เราควบคุมมันไม่ได้ หรือก็คือเป็นอนัตตา
จิตมีอยู่จริงแต่เป็นอนัตตา คือมีการเกิดและมีการดับ
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณมีอยู่จริงแต่เป็นอนัตตาคือมีการเกิด แปรปรวนในท่ามกลาง และมีการดับ
อนัตตา คือ ธรรมชาติที่ไม่ได้มีตัวตนตั้งแต่แรก แต่เกิดจากการประกอบกันขึ้นมา
วิธีการทำลายอัตตา (= ความเห็นว่ามีตัวตน) คือ การพิจารณาเพื่อเห็นความเกิดความดับ
จิตเดิมแท้ ไม่มีอยู่จริง เพราะจิตเป็นอนัตตา
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน
วิญญาณขันธ์ = จิต vs เวทนา + สัญญา + สังขาร + วิญญาณ = จิต
ทั้งหมดนี้คือ "จิต"
ธรรมชาติที่คิด คือ "จิต" -- ก็คือสังขารขันธ์ป่ะ
ธรรมชาติที่น้อมไปหาอารมณ์ คือ "มโน"
ธ
To be continued...✎
📢ขณะนี้ผู้เขียนกำลังใช้โอกาสในการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในการศึกษาความจริงของโลกใบนี้ตามคำบอกเล่าของพระพุทธเจ้า และตั้งใจว่าจะนำความจริงเหล่านั้นมาเผยแพร่ในเว็บนี้
ผู้เขียนเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ยังมิได้เห็นแจ้งในความเป็นจริงของสรรพสิ่ง หากมีเนื้อหาส่วนใดผิดพลาดไป ผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ และจะเป็นเมตตาอย่างมาก หากท่านผู้อ่านชี้แจงแถลงไขส่วนที่ผิดพลาดนั้นมาในช่องคอมเมนต์ด้านล่าง ☟
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น